จะขี่downhillทั้งที...รู้ก่อน(part1)
แรกเริ่มเดิมที ตั้งแต่มีกำเนิดรถเสือภูเขา(mountainbike)ขี้นมา จากที่นำรถเสือหมอบ(roadbike)มาใส่แฮนด์ตรงและล้อที่ใหญ่ขึนเพื่อเอามันมาขี่นอกถนนลาดยาง และเสือภูเขาก็มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เริ่มมีคนอุตริเอามันไปขี่ในวิถีแปลก ๆ หนึ่งในนั้นคือ downhill ที่พวกเราชื่นชอบกันนั่นเอง
ได้ยินได้ฟังกับบ่อย ๆ ว่า จักรยานdownhillทำใมต้อง เซตsegเท่าโน้นเท่านี้ หลายคนที่เป็นมือเก่ามือเก๋าก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่า seg คืออะไร สำคัญอย่างไร แต่สำหรับคนที่เริ่มขี่ อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากว่า ทำไมต้อง seg แล้ว seg ต้องเท่าไหร่ รวมถึงมันเกียวพันกับนิสัยใจคอของแฟรมและโช๊คอย่างไร อีกทั้ง seg ยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา ออกแบบ จักรยานรูปแบบต่าง ๆ และ โช๊คหน้าช่วงยุบที่ต่างกันอีกด้วย
สำหรับรถdownhill,freerideนั้น ในส่วนของ frame seg ทั่ว ๆ ไปจะเซตกันที่ประมาณ 25-35 เปอร์เซนต์(ถ้าเป็นโช๊คหน้าจะว่ากันที่ 15-25 เปอร์เซนต์) ทั้งนี้ก็ขึ้นอยุ่กับความต้องการของผู้ขี่ หรือผู้ผลิตบางรายอาจจะระบุมาเลยว่าต้องการ seg เท่าไหร่ ประเภทของรถ สภาพสนาม สไตร์การขี่
เมื่อเราทราบระยะsegที่เหมาะสมมันก็จะเกี่ยวพันกันไปถึงเรื่องช่วงยุบของเฟรมนั้น ๆ ด้วย และจะรวมไปถึงความเข้าใจ และสามารถรู้ได้ว่าแต่ละเฟรมมีนิสิัยอย่างไร หรือผู้ผลิตต้องการออกแบบมาเพื่ออะไร เน้นฟิลลิ่งแบบไหน และก็จะต่อเนื่องไปถึงคำอธิบายเบื้องต้นว่า ทำใมรถยุบเยอะถึงทำให้รู้สึกนุ่มนวลกว่า
เรามาดูการทำงานของsegกันดีกว่าครับ จากรูป จะมีแนวเส้นสี่แดงอยู่2เส้น เส้นบนคือแนวการเคลื่่อนที่ของแฮนด์ เส้นล่างคือแนวการเคลื่อนทีของกระโหลก
จากรถdhอันแสนแพงของเรานั้นต่างออกแบบระบบกันสะเทีอนขึ้นมาก็เพื่อความนุ่มนวล และหวังจะให้มันมารองรับแรงกระแทกจากพื้นหรืออุปสรรคต่าง ๆ ที่จะเข้ามาสุ่เรา ซึ่งจุดรับแรงที่เราจะได้รับจากรถคันโปรดคือ แรงที่มาจากแฮนด์(handle bar) และแรงที่มาจากระโหลก ดังนั้นการที่เราจะรู้สึกได้ว่ารถรุ่นนั้น ๆ นุ่มนวลหรือไม่นั้นก็ต้องดูที่เส้นแดงสองเส้นที่กล่าวไป ถ้าระบบกันสะเทียนดี ก็จะทำให้แฮนด์และกระโหลกเคลื่อนที่เป็นแนวตรง ซึ่งก็คือตัวผู้ขี่อย่างเรา ๆ ก็จะไม่ได้รับแรงสะเทียนจากพื้นด้วยนั่นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น