จะขี่downhillทั้งที...รู้ก่อน(part2)


จากการที่ได้ทราบกันไปแล้วว่าแรงกระทำจากพื้น track สู่ตัวผู้ขับขี่่ จะส่งผ่านกระโหลดกันแฮนด์ ซึ่่งแน่นอนว่า แรงที่ส่งมาที่แฮนด์นั้น มีเจ้าFork หรือโช๊คหน้าเป็นตัวรับแรงแบบเต็ม ๆ ฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับการsetโช๊คหน้ามากถึงมากที่สุด เพราะเจ้านี่จะตัวรับแรงโดยตรงที่จะส่งผ่านข้อมือและแขนของเราแบบเต็ม ๆ ส่วนด้านหลัง แรงที่ส่งผ่านมาที่กระโหลกจะมีการเฉลี่ยกันไประหว่างโช๊คหน้ากับโช๊คหลัง ซึ่งโดยทั้วไปมีสูตรสำเร็จอยู่ที่ 40/60 เปอร์เซ็นต์(สำหรับdhแ ละวัดขณะยืนขี่)หรือ โช๊คหน้าจะรับภาระไป40% หลังก็จะรับไป60% เอาเป็นภาษามนุษย์ก็คือ สมมติว่า ผู้ขี่มีน้ำหนักตัว 100 กิโลกรัม เมื่อบุคคลนี้ขึ้นไปยืนขี่ ล้อหน้าจะรับน้ำหนัก 40กิโลกรัม หลังรับไป60กิโลกรัม อ้าว....แล้วถ้าโช๊คหน้ารับภาระน้อยกว่าแต่ทำไม่set seg แค่ 25 เปอร์เซนต์ ทำใมไม่set 30 เท่ากับหลังไปเลยหละ ความจริงแล้วการวัดแบบนี้เป็นการวัดขณะที่รถหยุดนิ่ง หน้าจึงรับภาระน้อยกว่า แต่เมื่อรถวิ่งออกไปแล้ว แม้ภาระด้านการรับน้ำหนักจะยังเท่าเดิมคือหน้ารับ40 หลังรับ60 แต่ภาระในการรับแรงจากพื้น track ด้านหน้าจะรับมากกว่าหลัง เหตุนี้เองจึงทำให้ ด้านหน้าจะset seg ที่25เปอร์เซนต์ ซึ่งแนวทางนี้เองที่ทำให้ผู้ผลิตออกแบบเฟรมจะต้องคำนึงถึงด้วย บางรายอาจจะใช้อัตราส่วนที่ต่างกันไประหว่างหน้ากับหลัง อาจจะเป็น 42/58 หรือ43/57 ก็แล้วแต่ความต้องการ โดยมากแล้วในรถที่มีช่วงหลังยุบเยาะ ๆ ภาระที่ล้อหน้าและหลังรับนั้น จะยิ่งเข้าใกล้ 50/50 แต่ยังไงก็ยังคงเน้นที่ล้อหลังต้องรับภาระมากกว่านิดหน่อยอยู่ดี ซึ่งสูตรนี้ก็จะต่างกันในแต่ละผู้ผลิต...
อ่านแล้วปวดหัวนิดหน่อย แต่เอาเป็นว่า ถ้าเราต้องการsetรถแบบ downhill racing เน้น เร็ว รูด หรือสนามเป็นทางรูดซะส่วนใหญ่ ก็ set seg หน้าหลังที่ 25/30 เหมาะที่สุด แต่ถ้าสนามไหนที่มีดร็อฟสูงเกิน 1 เมตร(แต่ต้องมีตัวรับนะครับ) ก็ควรเพิ่มความแข็งของด้านหลังอีกซัก10% หรือเพิ่มสปริงซัก 50ปอนด์กำลังดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โซ่จักรยานเสือภูเขา รู้ไว้ไม่เสียหาย

มารู้จัก Ratio ของเกียร์กันดีกว่า

เรื่องเล็ก ๆ เกี่ยวกับ กระโหลก