บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2009

ลมยาง เรื่องเล็ก ๆ ที่ถูกมองข้าม

รูปภาพ
ตั้งแต่เริ่มขี่จักรยานดาวน์ฮิล ในปีแรกจำได้ว่าเริ่มขี่ฮาร์เทลแบบช้า ๆ เพื่่อลงแข่งแบบหาประสบการณ์ ถึงแม้ว่าปัจจุบันขี่ฟูลซัสก็ยังช้าอยู่ก็เถอะ ครั้งนั้นจำได้ว่า มีพี่ ๆ ที่ซ้อมกันอยู่เข็นจักรยานแล้วตะโกนว่า "งูกัด" ไอ้เราก็ตกใจผสมกันอาการงง ๆ ว่า งูกัดแต่ทำใมพี่แกยังยิ้ม เฮฮาอยู่เลย สอบถามได้ความว่ายางรั่วนี้เอง อาการงูกัดคืออาการยางรั่งนี่แหละ แต่เป็นอาการที่เกิดจากยางนอกยุบไปชนขอบล้อ ก็เลยทำให้ยางในรัวไปด้วย การที่ขอบล้อมีรูปหน้าตัดเป็นตัวยูกลับหัว เมื่อยางยุบไปชนขอบล้อก็เลยทำให้รูรั่วจะเป็นสองรูคู่กัน ดูเหมือนเขี้ยวงู ถึงบางคันจะรั่วรูเดียว ถ้าเกิดจากยางยุบไปชนขอบล้อก็ถือว่าเป็นอาการ"งูกัด"เช่นเดียวกัน เอารูปหน้าตัดขอบล้อมาให้ดูเผื่อจะนึกภาพกันไม่ออก โดยมากอาการงูกัดจะเกิดจากการที่ผู้ขับขี่ ขี่ไปชนหิน รากไม่ หรือที่เจอบ่อยสำหรับมือใหม่คือการ bunny hop ขึ้นฟุตบาท แล้วล้อหลังไม่พ้นขอบ ก็เลยยางแตก สำหรับชาวดาวน์ฮิลคงจะเจอกับหินและรากไม้ซะมากกว่า ผุ้ต้องหารายแรกที่นึกถึงเวลาเกิดอาการงูกัดคือ ลมยาง สอบถามจากคนที่งูกัด เวลาขี่ดาวน์ฮิลว่าเติมลมเท่าไหร่ โดยมากได้คำตอบม

คงไม่ช้าเกินไปที่จะพูดถึง trek session 88 (end)

รูปภาพ
รู้จักเจ้าsession 88 กันพอสมควรแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะได้เห็นและสำผัสตัวจริงเป็น ๆ กันเมื่่อไหร่ แว่ว ๆมาว่าที่เชียงใหม่มีอยู่หนึ่งคันและยังแขวนอยู่ที่โปรไบด์อีกคัน(เม.ย.52) เท่าที่ทราบนะครับ แต่อาจจะมีมากกว่านี้ มาดูข้อมูลsetup ของเจ้าsession 88 กันดีกว่า เผื่อคนแถว ๆ นี้จะไปหามาควบกะเค้าบ้างเห็นเล็ง ๆ อยู่ shock หลังที่ทางtrek ติดตั้งให้กับเจ้าsession88 เป็น fox dhx 5.0 คงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีเพราะบ้านเราคนใช้เยอะ ก่อนจะsetup ก็เลยเอาส่วนประกอบของเจ้าfox dhx มาให้ชมกันก่อนจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ปุ่มปรับต่าง ๆ อยู่ตรงไหน สิ่งที่เราต้องการเพื่อการขับขี่ที่ดีตามที่ผู้ผลิตออกแบบไว้ จากช่วงยุม 203 มิลลิเมตร shock stroke 71 มิลลิเมตร segที่ต้องการคือ 35 เปอร์เซนต์ หรือ 25 มิลลิเมตรนั่นเอง เราสามารถsetตามคู่มือได้เลย หลังจากที่เราขึ้นช่างน้ำหนักบนแท่นแล้ว ก็ดูตามคู่มือนี้ได้เลยคร้บ การset ต่าง ๆ เราจะต้องเริ่มกันที่ ปิดทุกอย่างไปที่บวกสุดก่อนครับ จากนั้นก็คลายออก ตามจำนวนคลิกที่คู่มือแนะนำ ส่วนค่อคอมเพลสในที่นี้ไม่ได้มีบอกไว้ แนะนำให้ปรับเป็นลบสุดก่อนครับ จากนั้น low speed ปรับเป็นบวกไม่ควรเกิน3

อะไรเป็นอะไรในจักรยาน ปูพื้นสำหรับมือใหม่ไว้ศึกษาwebนอก

รูปภาพ
ย้อนไปเมื่อขี่จักรยานใหม่ ๆ ตอนนั้นยังขี่ยี้ห้อจระเข้อยู่เลย ก็เริ่มไปขี่คนเดียวที่เลียบมอเตอร์เวย์ เห็นรถจักรยานชาวบ้านเค้าสงสัยว่าทำไม่มันสวยจัง ก็เลยเริ่มเข้า thaimtb และเริ่มหาความรู้เพิ่มเติม ซักระยะนึงก็เริ่มที่จะมีเรื่องที่อยากรู้มากกว่าที่webมี เลยต้องลองหาอ่านwebต่างประเทศบ้าง webของผู้ผลิตต่าง ๆ บ้าง ใหม่ ๆ จำได้เลยว่า งงเป็นไก่ตาแตกเลยเพราะพวกชื่อ อะไหล่ หรือคำศัพท์ บางอย่างเราไม่เข้าใจได้แต่เดา ๆ เอา จากคำอธิบาย มาวันนี้ก็เลยคิดว่าคงมีน้อง ๆ ที่เพิ่งเริ่ม ๆ ขี่จักรยานmtb มีความสงสัยเหมือนกับผม เริ่มกันที่ส่วนของเฟรมก่อนก็แล้วกัน top tube = ท่อบน-ก็ตรงส่วนบนของเฟรมเป็นท่อที่อยู่ตรงระหว่างขาเรานั้นแหละ head tube = คอรถ-ก็ที่เอาไว้ใส่โช๊คหน้าไง seat tube = ท่ออาน-ท่อที่เราไว้ใส่หลักอาน down tube = ท่อล่าง seat stay = ท่อที่เชื่่อมระหว่างจุดใส่ดุมล้อ กับ ท่ออาน chain stay = ส่วนใหญ่เรียกทับศัพย์กันเลยว่า เชนสเตร์ หรือ ท่อที่เชื่่อมจากกระโหลก กับที่ใส่ดุมหลัง rear derailleur hanger = บ้านเราเรียกเจ้านี่ว่า drop out หรือบางweb ก็ใช้ว่าdrop out เช่นกัน bottom bracket shell = กระ

คงไม่ช้าเกินไปที่จะพูดถึง trek session 88 (part 3)

รูปภาพ
อีกอย่างที่ใหม่สำหรับsession 88 คือระบบ Full Floatting Suspension ซึ่่งเป็นการวางหูยึด shock แบบลอยตัว ฟังดูก็ยังไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่ หูยึดshock แบบลอยตัว ในทางปฎิบัติก็คือการไม่วางจุดยึดไว้กับเฟรมเลย แต่จะวางไว้ในส่วนที่สามารถเคลื่อนที่ได้ สำหรับเจ้าsession ก็วางไว้บน swing arm เลย เปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ เลยครับ ระหว่างการวางจุดยึดแบบธรรมดา(บน) และการวางจุดยึดแบบลอยตัว(ล่าง) เห็นความแตกต่างกันได้อย่างชัดเจนเลยครับ แบบทั่วไป เมื่อswing arm ทำงาน แรงจากล้อหลังก็จะส่งผ่านมายังshockและ shockก็จะรับแรงเอาไว้โดยแรงส่วนหนึ่งก็จะกระจายลงเฟรมโดยตรง ส่วน full floating จะส่งแรงไปยังswing arm ในช่วงต้นของการยุบ และเมื่อยุบมากขึ้นแรงจะค่อย ๆ ผันไปให้จุดหมุนตรงเฟรมโดยภาระตรงsiwng arm จะค่อย ๆ ลดลง การทำงานจะเห็นได้ว่าทั้งหูยึดshock ด้านล่างและด้านบนจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน แต่จะเคลื่อนที่ด้วยอัตราส่วนที่ไม่เท่ากันโดยหูด้านบนจะเคลื่อนที่มากกว่าหูด้านล่าง สิ่งที่ได้จากการใช้หูยึดshock แบบลอยตัวคือ ทำให้การตอบสนองในช่วงแรก ๆ ของการยุบไวมาก และเมื่อยุบมากขึ้นในช่วงหลัง ๆ ก็จะค่อย ๆ แข็ง

คงไม่ช้าเกินไปที่จะพูดถึง trek session 88 (part 2)

รูปภาพ
มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรใหม่ใน trek session 88 บ้าง ABP เป็นระบบที่วางจุดหมุนหลังไว้ที่ดุมเพื่อลดการต้านการยุบตัวของ swing arm หรือทำให้swing arm เป็น Floating brake ในตัว โดยปกติแล้วในรถที่ไม่มีfloating brake จะมีแรงต้านการยุบตัวเวลาบีบเบรค อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เวลาบีบเบรคแล้วโช๊คไม่ค่อยจะยุบซักเท่าไหร่ จากนั้นจึงมีการน้ำระบบ floating brake มาใช้ เพื่อแก้ปัญหานี้ เทียบให้เห็นเลยครับว่า ABP เป็นการนำ floating brake มาพัฒนาเป็น swing arm ยังไง หลักการทำงานเหมือนกันครับ แต่หน้าตาอาจจะไม่เหมือนกันนัก เพราะABP ต้องนำส่งแรงจากล้อหลังไปที่shock ด้วย แต่floating brake ทำหน้าประคองเบรคอย่างเดียว อ้าว....หลายคนคิดว่า ดูแล้วABPก็ไม่เป็นจำเป็นเลย เพราะ floating brake ทำงานได้ดีอยู่แล้ว คำตอบคือ...ใช่ครับ ถ้ามองในด้านการทำงานแล้วไม่ต่าง แต่ABPจะมีผลพลอยได้ที่dh bike สมัยใหม่ต้องมีคือมันสามารถลดอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นออกไปได้(ก็ไม่ต้องใส่floating brake)โดยการทำงานไม่เสียไป ซึ่งก็คือน้ำหนักที่เบาลงด้วย กล่าวคือโดยทั่วไปเจ้าfloating ทั้งระบบ หนักประมาณ250-350 กรัม แต่ถ้าเป็นABPจะไม่มีน้ำหนักในส่วนนี้ แต่

คงไม่ช้าเกินไปที่จะพูดถึง trek session 88 (part 1)

รูปภาพ
หลังจากได้ดู red bull rampage evolution คงได้เห็นหน้าเห็นฝีมือแชมป์กันไปแล้ว ที่น่าสนอีกมุมหนึ่งก็คือรถของแชมป์ปี2008 Brandon Semmenuk กับ trek sesion 88 มีเหตุอันใดที่trek ได้เปลี่ยนgeneration จาก sesion10 ในสาย dh และ sesion7 ในสาย freeride มาเป็น sesion88 ปรับช่วงยุบเป็นแปดนิ้วถ้วน และระบบเฟรมออกแบบใหม่ทั้งหมด ไม่เหลือเค้าเดิมของสายพันธ์ session 10 และ session 7 พร้อมกับระบบกันสะเทียนที่คิดค้นขึ้นมาไหม่ เทียบกับแบบตัวต่อตัวเลย ระหว่าง session88(รูปบน) กัน session 10 (รูปล่าง) เห็นได้ชัดเจนถึงเสนสายการออกแบบ ที่ไม่เหลือเค้าเดิมเลย เจ้า88ดูเพรียวบาง คล่องตัวกว่ากันเยอะเลย กับระบบกันสะเทียนที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด trek ให้ชื่อว่า ABP หรือ Ative Braking Pivot ABP คือระบบกันสะเทียนที่ทางtrek พัฒนาขึ้นมา มีการวางจุดหมุนหลังอยู่ที่ดุม(ในที่นี้อนุญาติเรียกว่าจุดหมุนดุมก็แล้วกัน) มองเผิน ๆ ดูเหมือนระบบ4bar link กับsingle pivot ผสมกัน แต่พอมองลึก ๆ แล้ว ขอบอกว่าไม่ใช่เลย มันเป็นระบบที่ใหม่จริง ๆ ถึงแม้ว่าผมจะเคยเห็นระบบคล้าย ๆ กันนี้ ที่คนไทยเป็นผู้คิดค้นและเป็นเจ้าของสิทธิบัตร ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ

จะขี่downhillทั้งที...รู้ก่อน(part1)

รูปภาพ
แรกเริ่มเดิมที ตั้งแต่มีกำเนิดรถเสือภูเขา(mountainbike)ขี้นมา จากที่นำรถเสือหมอบ(roadbike)มาใส่แฮนด์ตรงและล้อที่ใหญ่ขึนเพื่อเอามันมาขี่นอกถนนลาดยาง และเสือภูเขาก็มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เริ่มมีคนอุตริเอามันไปขี่ในวิถีแปลก ๆ หนึ่งในนั้นคือ downhill ที่พวกเราชื่นชอบกันนั่นเอง ได้ยินได้ฟังกับบ่อย ๆ ว่า จักรยานdownhillทำใมต้อง เซตsegเท่าโน้นเท่านี้ หลายคนที่เป็นมือเก่ามือเก๋าก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่า seg คืออะไร สำคัญอย่างไร แต่สำหรับคนที่เริ่มขี่ อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากว่า ทำไมต้อง seg แล้ว seg ต้องเท่าไหร่ รวมถึงมันเกียวพันกับนิสัยใจคอของแฟรมและโช๊คอย่างไร อีกทั้ง seg ยังเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา ออกแบบ จักรยานรูปแบบต่าง ๆ และ โช๊คหน้าช่วงยุบที่ต่างกันอีกด้วย สำหรับรถdownhill,freerideนั้น ในส่วนของ frame seg ทั่ว ๆ ไปจะเซตกันที่ประมาณ 25-35 เปอร์เซนต์(ถ้าเป็นโช๊คหน้าจะว่ากันที่ 15-25 เปอร์เซนต์) ทั้งนี้ก็ขึ้นอยุ่กับความต้องการของผู้ขี่ หรือผู้ผลิตบางรายอาจจะระบุมาเลยว่าต้องการ seg เท่าไหร่ ประเภทของรถ สภาพสนาม สไตร์การขี่ เมื่อเราทราบระยะsegที่เหมาะสมมันก็จะเกี่ยวพันกันไปถึงเรื่องช่วงย

rockshox totem โช๊คที่น่าใช้อีกตัวนึง(end)

รูปภาพ
ข้อดีอีกอย่างของเจ้า totem คือการservice ที่ง่ายแสนง่าย มันถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องเป็นช่างก็สามารถทำได้ โดยทั่วไปแล้วภายในของโช๊คน้ำมันโช๊คซึ่งมีอายุการใช้งานประมาณนึง พอใช้งานไปซักระยะก็จะเ สื่อม อีกท้้งน้ำมันโช๊คก็เป็นต้วเก็บสะสมฝุ่นผงต่าง ๆ เ ป็นอย่างดี ก็เป็นธรรมดาครับ คงไม่มีใครซื้อเจ้าตัวนี้ไปขี่ในเมื่องให้เสียของ ว่ากันตามคู่มือแล้ว ทางrockshox แนะนำไว้สองส่วนคือเปลี่ยนน้ำมันกระบอกล่าง(ทำเองได้)ควรเปลี่ยนทุก 25 ชั่วโมงใช้งาน และเปลื่ยนน้ำมันในระบอกบนทุก 50 ชั่วโมง อาจคิดว่ามันจะบ่อยไปหรือเปล่า ไม่บ่อยไปหรอกครับชั่วโมงใช้งานก็คือ คิดเฉพาะเวลาใช้งานเท่านั้น สมมุติว่าเราไปขี่ทางยาวที่เขาอีโต้ โดยทั่วไปขี่แบบกินลมชมวิวก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีบวกลบ ดังนั้นขี่ทั้งวันเลยก็น่าจะซัก 5-6เทียว คิดเป็นเวลาใช้งานเพียง 1ชัวโมงเท่านั้นเอง และถ้าเราไปขี่ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 วัน ต้องใช้เวลาถึงหกเดือน แต่ผมว่าในความเป็นจริง คนธรรมดาสามัญอย่างเรา ๆ คงไม่ไปขี่บ่อยขนาดนั้น โดยเฉลี่ยอย่างเรา ๆ ที่ไปขี่เล่นบ้าง โดนเนินบ้าง แข่งบ้าง โดยส่วนตัวผมว่า ซัก ปีละครั้งกำลังดี หรือใครไม่ค่อยได้ข

rockshox totem โช๊คที่น่าใช้อีกตัวนึง(part 2)

รูปภาพ
รู้จักกับเจ้าtotemกันพอสมควรแล้ว หรือใครที่มอง ๆ เจ้าตัวนี้อยุ่คงจะตัดสินใจได้แล้ว คราวนี้เรามาดูข้อมูลด้านseting กันบ้างดีกว่า ดูเหมือนจะไม่มีคนพูดถึงกันซักเท่าไหร่ เนื่องจากเจ้าtotem มีการแยกรุ่นแบ่งoption กันหลายรุ่นผมจึงขออนุญาติแบ่ง ตามประเภทเป็น ลม(air spring) กับ สปริงธรรมดา(coil spring)ก็แล้วกัน แบบ ลม หรือ air spring เมื่อเราตัดสินใจไปสู่ขอมันมาแล้ว ก็ต้องทราบว่าจะเติมลมเท่าไหร่ดี สำหรับโช๊คหน้าแล้ว seg ควรอยุ่ที่ 15-25 เปอร์เซนต์ ฟังดูยุ่งยากจัง เอาเป็นว่าเซตตามคู่มือเป็นใช้ได้ แต่คุณต้องรู้ก่อนนะครับว่าน้ำหนักตัวคุณเท่าไหร่ ควรจะรวมเครื่องแต่งกาย,หมากกันน้อค หรืออื่น ๆ ที่สวมใส่เวลาขี่ด้วย หรือชั่งปกติแล้วบวกซัก5กิโล(สำหรับdh) น่าจะกำลังดี จากนั้นมาดูตารางกันได้เลย แบบสปริง หรือ coil spring อันนี้ลำบากหน่อยที่เพราะว่าถ้าเราจะลงมือเซตseg ตามคู่มือต้องเสียตังซือสปริงที่มีค่าความแข็งตามคู่มือ แต่บางคนอาจไม่ต้องเปลี่ยน เพราะน้ำหนักตัวเท่าสปริงstanded พอดี ดูตามตารางได้เลย สำหรับเจ้าtotem สปริงสามารถเซตปรีโหลดเพิ่มเติมได้อีกอย่าง โดยการเปิดฝาฝั่งสปริ่งออกมาจะมีpreload spacer อยู่

rockshox totem โช๊คที่น่าใช้อีกตัวนึง(part 1)

รูปภาพ
เรื่องของเรื่องคือเมื่อไปงานแข่งแต่ละที เดินไปเดินมาถ้าเป็น รถfreeride เห้นเจ้าตัวนี้บ่อย ๆ สำหรับผู้ที่ใช้แบบ single crown อาจเป็น เพราะหาซื้อค่อนข้างสะดวก เพราะมีตัวแทนจำหน่ายในบ้านเรา บวกกับมีช่วงยุบถึง180 mm.จึงเป็นคำตอบสุดท้ายของใครหลายคน ไหน ๆ ก็ใช้กันเยาะ ผมก็เลยเอาข้อมูลserviceที่จำเป็นมาให้ทราบกัน เจ้าtotemเปิดตัวครับแรกในงานinterbike2006(ปลายปี) และออกว่าจำหน่าย ต้นปี2007 ครั้งแรกเปิดตัวออกมา 3 รุ่นด้วยกัน คือ solo air,2step,coil แต่ปัจจุบันปี2009 เป็นที่น่าเสียดายว่า totem 2step ได้เลิกสายการผลิตไปแล้ว ที่ยังคงมีขายก็เป็นstockเดิมที่ยังคงมีเหลืออยู่ แต่ทางrockshox ก็ได้มีตัวต่ำกว่ามาเสียบแทน คือ totem is(ตัวนี้น่าจะออกมาตั้งแต่ปี08) ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น ปัจจุบันปี 2009 totem จึงเหลือ 3 รุ่นให้เราเลือกใช้กัน คือ solo air,coil และis totem solo air เป็นโช๊คลมให้optionมาครบ ไม่ว่าจะเป็น hi-speed,low-speed comprassion และ rebound ช่วงยุบ 180 mm. กับน้ำหนัก 2655 กรับ หรือ 5.85 ปอนด์ totem 2step เป็นโช๊คลมให้optionมาครบเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น hi-speed,low-speed comprassion

tips เล็ก ๆ.... ทำ marzocchi 55 ให้เนียนกันดีกว่า

รูปภาพ
เนื่องด้วยมีน้อง ๆ แถว ๆ นี้ ซื้้อเจ้าharo x6 ปี09(ตัวสีส้ม) เวลาไปลงดาวน์ฮิลทีไร...มันบ่นทุกทีเลย...."ไม่เนียนเลยเพ่"แล้วไอ้น้องคนนี้ก็มาขย่มรถผมดู..."เพ่..ทำให้เนียนแบบนี้ได้ป่ะ"....ผมก็ถามไปว่าแล้วแกหนักเท่าไหร่ฟ๊ะ...50กิโลเพ่....อืม..เดี๋ยวพี่หาข้อมูลก่อนละกัน โดยทั่วไปแล้วการที่จะตัดสินว่าโช๊ดตัวนั้นดี...ตัวนี้เนียน....หรือตัวนั้นไม่ดี...ไม่เนียน...มันต้องดูองประกอบหลัก 2 อย่างด้วยกัน อันแรกคือ spec ของมันว่ามีช่วงยุบเท่าไหร่ และอันที่สองคือ seg ที่ได้... ข้อมูลที่ได้มา..เกี่ยวกันเจ้าx6 ปี09นี้ โช๊คหน้าเป็น marzocchi 55 R ยุบ160ม.ม. มี rebound กับ preloadและใช้สปริงธรรมดา โช๊คที่ติดรถมาจะใส่spring ขนาดmedium ซึ่งเหมาะกับผู้ขี่ที่หนักระหว่าง 65-85 กิโลกรัม จากนั้นก็ถามน้้ำหนักเจ้าของรถ ปรากฎว่าเจ้านี่หนักแค่ 5oกว่าโล ทำให้ค่า seg น้อยกว่าที่ควรจะเป็น หรือง่าย ๆ คือทำให้รู้สึกว่าโช๊คตัวนี้...ไม่เนียน...ทั้งที่สามารถยุบได้ถึง 160 มิลลิเมตร....แล้วเราจะทำยังไงดีหล่ะ...สิ่งที่ควรทำตามคู่มือคือ...ควรเปลี่ยนสปริง soft..เอาล่ะซิ..จะหามาจากไหนหล่ะ...บ้านเราไม่มีตัวแทน

red bull rampage สุดยอดการแข่งขันของเหล่า freerider

รูปภาพ
หลังจากแข่งขันในปี2001ซึ่งเป็น ก่อนที่จะปิดตำนานการแข่งขันสุดยอดอันตรายในปี2004 ทางred bull ผู้จัดได้ยกเลิกการแข่งขันรายการนี้ โดยไม่เปิดเผยเหตุผล แม้ว่านักแข่งทุกคนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันเป็นนักแข่งที่ต้องได้รับเชิญเท่านั้น(เชื่อได้ว่าต้องเป็นproล้วน ๆ) ก็ยังมีอุบัติเหตุอยู่บ้าง แต่หลายคนเชื่อกันว่าการยกเลิกการแข่งขันหลังปี2004 ไม่ใช่เหตุผลเรื่องความปลอดภัยของนักแข่งเพี่ยงอย่างเดียว Red Bull Rampage The Evolution (2008) การกลับมาอีกครั้งของการแข่งขันอันสุดแสนเร้าใจ...แลุะคงจะทราบการเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า ใครคือผู้คว้าชัยชนะในครั้งนี้...การแข่งขันรายการนี้มีความเป็นมาและเรื่องราวมากมายหลายแง่มุมที่น่าสนใน...ผู้ชนะต้องเป็นผู้ที่พร้อมที่สุดในทุก ๆ ด้าน..ทั้งรถ..ทั้งร่างกาย..และจิตใจ แล้วเราก็ได้ผู้ชนะมาขึ้นทำเนียบแล้วหลายปี มาตามดูกันดีกว่าว่าตั้งแต่อดีต ใครได้แชมป์รายการนี้บ้าง 2001 Red Bull Rampage Utah-Wade Simmons ปัจจุบันสังกัด ทีม Rocky Mountain 2002 Red Bull Rampage -Darren Bettecloth ปัจจุบันสังกัด ทีม Specialized 2003 Red Bull Rampage-Cedric Cracia ปัจจุบันสังกัด ทีม Commenc

มารู้จักกับ cane creek double barrel สุดยอด dh shock

รูปภาพ
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่สินค้าแห่งปี(product of the years) ของจักรยานเสือภูเขาจะเป็นโช๊คหลัง(หลังจากเจ้า5th) ซึ่งผมเชื่อว่าเจ้า cane creek double barrel ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ย้อนไปเมื่อ3-4ปีที่แล้วเห็นแว๊ป ๆ ผ่านสายตาทางเวปไซด์ ว่า double barrel product of the year 2006 ผมก็ไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่เพราะเพิ่งเริ่มขี่จักรยานdhใหม่ ๆ ก็คิดว่าโช๊คหลังมันก็คงเหมือน ๆ กัน ต่อมาทางพี่dh team ได้เอามันมาพูดถึงใน knobbyonline(ตอนนี้ปิดไปแล้ว)ผมจึงได้สนใจเรื่องระบบกันสะเทือนของจักรยานอย่างจริงจัง เพราะรู้สึกประหลาดใจว่า"โช๊คจักรยานdhมันต้องขนาดนี้เลยเหรอ" เรื่่องของเรื่องคือหลังจากที่รู้จักเจ้าcane creek ตัวนี้แล้ว ก็ได้แต่นึกอยู่ในใจว่าบ้านเราจะมีใครหามาใช้บ้างน้า เพราะเทรนบ้านเรา อะไร ๆ ก็โช๊คยีห้อดังอย่างเดียวเลย แล้วเวลาผ่านไป....ต่อมาก็ที่งานแข่งkona bike park2009#2 ที่เจ็ดคตก็ได้ยินเสียงลือกันว่ามีคนหามาใช้แล้ว โช๊คตัวนี้มีอยู่ในบ้านเราแล้ว 1 ตัว เมื่อถึงวันแข่ง ก็เป็นจริงดังข่าวที่ลือกัน พี่ปั๊บแห่งอุดรธานีนี่เอง...ที่เป็นเจ้าของ...จึงได้ขออนุญาติพี่เจ้าขอ